จานแสง ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา
ฮาร์ดดิสก์มีบทบาทและความสำคัญต่อการใช้งานสูงมาก
ความจุของอาร์ดดิสก์ได้เพิ่มมากขึ้น จากเดิมที่มีความจุเพียง
10 เมกะไบต์ ในปัจจุบันมีความจุหลายร้อยเมกะไบต์
ราคาของฮาร์ดดิสก์ก็ลดต่ำลงจนทำให้ขนาดความจุต่อราคาถูกลงมาก
และมีผลดีกว่าการใช้แผ่นบันทึกข้อมูล
ไมโครคอมพิวเตอร์จึงมีฮาร์ดดิสก์เป็นอุปกรณ์พื้นฐานประกอบอยู่ด้วยเสมอ
ถึงแม้ว่าฮาร์ดดิสก์จะได้รับการพัฒนาไปมากแล้วก็ตาม
แต่ความต้องการใช้แหล่งเก็บข้อมูลขนาดเล็กที่สามารถเก็บข้อมูลได้จำนวนมากและพกพาได้สะดวกก็ยังมีอยู่
แม้แผ่นบันทึกข้อมูล 3.5 นิ้วสะดวกในการพกพา
แต่ความจุยังไม่พอกับความต้องการ เพราะโปรแกรมสมัยใหม่จะเป็นโปรแกรมที่ต้องใช้เนื้อที่มาก
ดังนั้นจึงมีการพัฒนาแหล่งเก็บข้อมูลที่ใช้เทคโนโลยีจานแสง
(optical disk)
จุดเด่นที่สำคัญของจานแสง
คือ การอ่านหรือบันทึกข้อมูลที่ไม้ต้องให้หัวอ่านกดลงหรือสัมผัสกับจาน
การอ่านจะใช้ลำแสงส่องและสะท้อนกลับ
จานก็มีขนาดเล็กกะทัดรัด ไม่อ่าน
ไม่ต้องกลับหัวอ่าน และคงทนมีอายุการใช้งานได้ยาวนาน
จานแสงเป็นเทคโนโลยีที่มีการแข่งขันในเชิงการผลิต
พัฒนาการของจานแสงเติบโตค่อนข้างรวดเร็ว
โดยเฉพาะเทคโนโลยีที่ใช้กับเครื่องเสียงและวีดีโอ
ด้วยเหตุนี้เองการนำจานแสงมาใช้ในงานด้านข้อมูลจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
เทคโนโลยีทางด้านจานแสง ที่กำลังได้รับการนำมาใช้ในระบบคอมพิวเตอร์ในขณะนี้
มี 3 เทคโนโลยี
เทคโนโลยีแรก คือ ซีดีรอม
(Compack Disk
Read only Memory : CDROM) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ใช้งานแสงกับเครื่องเสียงสเตอริโอ
การใช้ซีดีรอมในระบบคอมพิวเตอร์มีจุดมุ่งหมายเพื่อเก็บข้อมูลจำนวนมาก
และสามารถเก็บข้อมูล ในรูปข้อความ ข่าวสาร
รูปภาพ เสียงรวมทั้งภาพวีดีโอไว้ในแผ่นซึ่งพร้อมที่จะนำมาใช้ได้ทันที
แผ่นซีดีรอมหนึ่งแผ่นสามารถเก็บข้อมูลได้ถึงสามแสนหน้าหรือเทียบได้กับหนังสือ
150 เล่ม
หน่วยขับซีดีรอมเป็นสิ่งที่ต้องต่อเพิ่มลงในระบบคอมพิวเตอร์
และหากให้หน่วยขับซีดีรอม
มีช่องสัญญาณต่อกับเครื่องขยายเสียงจะทำให้ใช้ร่วมกันกับแผ่นที่ใช้เล่นเพลงได้หน่วยขับซีดีรอมในปัจจุบันมีราคาไม่แพง
ส่วนใหญ่ใช้เก็บข้อมูล สารานุกรม คัมภีร์ไบเบิล
แผ่นที่ ข้อมูลงานวิจัย หรือเอกสารทางวิชาการที่สำคัญ
การใช้ซีดีรอมเก็บโปรแกรม ผู้ขายซอฟต์แวร์จะนำโปรแกรมทั้งหมดบรรจุในแผ่นซีดีรอมตามมาตรฐาน
ISO 9600 มีความจุที่ใช้ 600 เมกะไบต์ การเชื่อมต่อกับไมโครคอมพิวเตอร์มักใช้แผงวงจรควบคุม
เทคโนโลยีที่สอง คือ
เวิร์ม
(Write Once Read : WORM) เทคโนโลยีนี้ให้ผู้ใช้เขียนข้อมูลลงไปได้เพียงครั้งเดียว
แต่อ่านได้หลายครั้ง เวิร์มเป็นเทคโนโลยีโดดเดี่ยว
เพราะแนวทางการพัฒนาไม่ได้พัฒนาจากเทคโนโลยีใด
ตัวแผ่นเป็นโลหะ ใช้เทคโนโลยีเลเซอร์ การที่ทำให้แผ่นสามารถเขียนได้หนึ่งครั้งนี้เองจึงทำให้แตกต่างจากซีดีรอม
ปัจจุบันยังไม่มีมาตรฐานที่กำหนดออกมาเฉพาะ
บริษัทที่ผลิตยังใช้รูปแบบแตกต่างกัน
ปัจจุบันองค์การว่าด้วยเรื่องมาตรฐานระหว่างประเทศ
(International Standard Organization : ISO) พยายามกำหนดความจุไว้ที่
650 เมกะไบต์ แต่สถาบันมาตรฐานแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา
(American National Standard Institute : ANSI) ได้กำหนดความจุที่
1.2 จิกะไบต์ เวิร์มจึงเป็นจานแสงชนิดหนึ่งที่ผู้ใช้สามารถนำข้อมูลเข้าไปเก็บได้และเก็บไว้อย่างถาวร
เทคโนโลยที่สาม
คือ เทคโนโลยีที่จะทำให้จานแสงสมบูรณ์แบบ
กล่าวคือ สามารถเขียนอ่านได้เหมือนฮาร์ดดิสก์
จึงมีชื่อเรียกหลายชื่อ เช่น จานแสงแม่เหล็ก
และจานแสงที่เขียนซ้ำได้ เป้าหมายสุดท้ายที่ต้องการของจานแสงคือ
ทำให้มีคุณสมบัติเหมือนฮาร์ดดิสก์สามารถเขียนอ่านข้อมูลได้
โดยรวมข้อดีไว้หลายประการ เช่น ความจุ
ความคงทนของข้อมูลเก็บไว้ได้นาน
ไม่ขึ้นกับสนามแม่เหล็ก ใช้งานง่าย มีขนาดเล็ก
และที่สำคัญต้องเขียนอ่านได้เร็ว เทคโนโลยีที่ใช้ในการสร้างจานแสงที่เขียนอ่านได้
จึงมีหลายเทคโนโลยีแตกต่างกันไป เช่น
ใช้คุณสมบัติแม่เหล็กผสมกับแสง แสงที่ใช้เป็นแสงเลเซอร์
นอกจากนี้มีการใช้เทคโนโลยีที่ทำให้แสงเลเซอร์ตกกระทบพื้นผิวของแผ่น
ส่วนอีกเทคโนโลยีหนึ่งเป็นการใช้คุณสมบัติของผลึกในเนื้อสารที่เปลี่ยนไปกับแสงเลเซอร์
ในบรรดาเทคโนโลยีทั้งสามที่กล่าวถึง
ซีดีรอมเป็นเทคโนโลยีที่เติบโตและใช้งานอย่างกว้างขวาง
จึงมีการนำมาใช้เก็บข้อมูลต่าง
ๆ มากมาย
รวบรวมจาก หนังสือเรียนวิชาคอมพิวเตอร์
ช 0249 เทคโนโลยีสารสนเทศและคอมพิวเตอร์
สถาบันส่งเสริมารสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
|